วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Advertising โดย นางสาวชลธิชา อยู่พ่วง นักศึกษาปริญญาเอก DBA 06


ประวัติความเป็นมาของโฆษณา
การโฆษณานั้นมีมาตั้งแต่โบราณ ตั้งแต่ที่คนไทยเริ่มมีสินค้า มีการแลกเปลี่ยน มีคนขายและคนซื้อ การโฆษณาขายสินค้าของคนโบราณในสมัยก่อนนั้นคือ การร้องขายสินค้า ของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้า โดยอาศัยการบอกกล่าวจากคนสู่คน บอกกันปากต่อปากโดยลูกค้า ซึ่งรูปแบบของการโฆษณาในลักษณะนี้ ก็ยังสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้จากเหล่าบรรดารถเข็น หาบเล่ จนพัฒนามาเป็น รถบรรทุกเล็กๆ ที่วิ่งขาขตามชมชนต่างๆ เพื่อขายสินค้า
ความหมายของการโฆษณา
การโฆษณา (Advertising) เป็นสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการโฆษณาเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญทางการตลาด เป็นกระบวนการทางด้านสื่อมวลชนที่เกิดขึ้นเพื่อจูงใจให้มีความต้องการในการซื้อสินค้าหรือบริการ

องค์ประกอบของการโฆษณา องค์ประกอบของการโฆษณา
ส่วนประกอบสำคัญของการโฆษณามี 4 ประการ คือ
1.       ผู้โฆษณา ได้แก่ ผู้ที่เป็นเจ้าของสินค้า เจ้าของแบรดน์ เจ้าของตราสินค้า หรือแม้กระทั่ง เจ้าของกิจการบริการ รวมทั่งหน่วยงานองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะทำโฆษณา และ ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดจากโฆษณาที่เราสร้างขึ้น
2. บริษัทตัวแทนโฆษณา คือ บริษัทซึ่งได้รับการว่าจ้างจากผู้โฆษณา ให้ทำการสร้างสรรค์และผลิตชิ้นงานโฆษณาต่างๆ รวมถึงจัดซื้อสื่อเพื่อการโฆษณา
3. สื่อโฆษณา (Medias) คือ สื่อกลางหรือช่องทางการสื่อสารที่โฆษณาอาศัยเพื่อส่งผ่านไปยังผู้บริโภคเช่น สื่อโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สิ่งพิมพ์ ป้าย ฯลฯ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเจ้าของสื่อในรูปแบบต่างๆ
4. ผู้บริโภค (Consumer) คือ ผู้ซื้อสินค้า หรือ ผู้ใช้บริการ ซึ่งจะเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการตามความต้องการและพึงพอใจของตน โดยอาศัยการรับรู้ข้อมูลของสินค้าหรือบริการจากโฆษณาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ



การประยุคใช้
การโฆษณาเป็นการสื่อสารจูงใจ มีวัตถุประสงค์เพื่อการจูงใจให้เกิดพฤติกรรมการซื้อโดยวิธีการพูด การเขียนหรือการสื่อความหมายใด ๆ ที่มีผลให้ผู้บริโภคเป้าหมาย คิดคล้อยตาม กระทำตามหรือเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปตามที่ผู้โฆษณาต้องการและ เป็นการนำเสนอ สื่อสารผ่านสื่อมวลชนประเภทต่าง ๆ ซึ่งสามารถเผยแพร่ข่าวสาร เกี่ยวกับสินค้าและบริการในระยะกว้างไกลได้สะดวก รวดเร็วที่สุด ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย อย่างกว้างขวาง ไปสู่มวลชนอย่างรวดเร็ว เข้าถึงพร้อมกันและทั่วถึง
สื่อที่ผู้โฆษณาเลือกใช้ในการเผยแพร่งานโฆษณาไปยังกลุ่มบริโภคเป้าหมาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เป็นต้น สื่อโฆษณาเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำโฆษณาไปยังกลุ่มผู้บริโภค สื่อโฆษณาแบ่ง เป็นประเภทต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของสินค้าที่ต้องการนำเสนอ นักโฆษณาแบ่งสื่อโฆษณาเป็น 3 ประเภท คือ
1.       สื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ (print Media)
2.       สื่อโฆษณาประเภทกระจายเสียงและแพร่ภาพ ( broadcasting media)
3.       สื่อโฆษณาประเภทอื่น ๆ เช่น ภาพยนตร์     อินเทอร์เนต สื่อที่ใช้โฆษณาที่จุดขาย รวมถึงสื่อโฆษณา นอกสถานที่ เช่น ป้ายโฆษณา
http://101fundraising.org/wp-content/uploads/2014/09/Advertising.jpg

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

system Theory โดย ชลธิชา อยู่พ่วง นักศึกษาปริญญาเอก DBA.06 เสนอ ดร.วิชิต อู่อ้น


1.  ประวัติความเป็นมา และความหมายของSystem Theory  
ประวัติความเป็นมา
ทฤษฎีระบบ (Systems theory) จัดเป็นสาขาวิชาเกิดขึ้นช่วงปลายทศวรรษที่ 20 ทฤษฎีระบบเป็นสาขาวิชาที่พัฒนาขึ้นโดยอาศัยแนวความคิดหลายสาขา โดยทำแนวคิดจากหลายสาขาวิชามาประยุกต์ผสมผสานสร้างเป็นทฤษฎีระบบขึ้นมา
ระบบ หมายถึง ส่วนประกอบต่าง ๆ ซึ่งประกอบกันขึ้นมาเป็นหนึ่งเดียว มีความสัมพันธ์กันในทางหนึ่งทางใดรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน กระทำการเพื่อความสำเร็จตามที่ต้องการ และการเคลื่อนไหวในส่วนหนึ่งจะมีปฏิกิริยากระทบต่อส่วนอื่น ๆ ด้วย ส่วนประกอบแต่ละส่วนก็เป็นระบบย่อยในตัวของมันเอง โดยส่วนประกอบย่อย ๆ หลายส่วนรวมกันอยู่เช่นกัน เช่น องค์การเป็นระบบซึ่งประกอบไปด้วยฝ่ายการผลิต ฝ่ายการตลาด และฝ่ายการเงิน ฯลฯ ในขณะเดียวกัน ที่ฝ่ายต่าง ๆ ก็เป็นระบบซึ่งประกอบด้วยระบบย่อยลงไปอีกคือ ประกอบไปด้วยงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดที่เกิดขึ้นในส่วนหนึ่งของระบบย่อยมีผลกระทบต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ หรืออาจกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบคือกลุ่มของส่วนที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน


ความหมาย
         ระบบ หมายถึง องค์ประกอบต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กัน และขึ้นต่อกัน โดยส่วนประกอบต่างๆ ร่วมกันทำงานอย่างผสมผสานกัน เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้  โดยทั่วไประบบ จำแนกออกได้เป็น 2 ประเภท กล่าวคือ ระบบปิด และระบบเปิดในองค์การแบบปิด ( Closed System ) จะไม่เกี่ยวข้องและไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ส่วนในองค์การแบบเปิด ( Open System ) จะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสิ่งแวดล้อม หากพิจารณาโดยละเอียด พบว่า


   ระบบปิด ( Closed System )    
       ระบบปิด ( Closed System ) คือ ระบบที่มีความสมบูรณ์ภายในตัวเอง ไม่พยายามผูกพันกับระบบอื่นใด และแยกคนเองออกจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ในสังคม หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบบปิดเป็นระบบที่สามารถควบคุมได้


  ระบบเปิด ( Open System )       
       ระบบเปิด ( Open System ) คือ ระบบที่ต้องอาศัยการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคล องค์การหรือหน่วยงานอื่นๆ ในลักษณะเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นมีความสมดุล รวมทั้งสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็มีผลหรืออิทธิพลต่อการทำงานต่อการทำงานขององค์การเช่นกัน หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบบเปิดเป็นระบบที่ไม่สามารถควบคุมได้


2.  องค์ประกอบหลักของระบบ System Theory 

          จากความหมายของระบบที่ได้ให้คำนิยามนั้น แสดงให้เห็นว่า ทุกระบบ ต้องมีองค์ประกอบหรือสิ่งต่าง ๆ เพื่อดำเนินงานสัมพันธ์กันเป็นกระบวนการ เพื่อให้ได้ ผลลัพธ์ ตามวัตถุประสงค์ที่องค์การได้ตั้งไว้ ดังนั้นภายในระบบจึงมีองค์ประกอบดังนี้


          สิ่งที่ป้อนเข้าไป (Input) หมายถึง ปัจจัยต่าง ๆ และองค์ประกอบแรกที่จะนำไปสู่การดำเนินงานของระบบ โดยรวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อันเป็นที่ต้องการของระบบนั้นด้วย ในระบบการศึกษาตัวป้อนเข้าไป ได้แก่ นักเรียน สภาพแวดล้อมของนักเรียน โรงเรียน สมุด ดินสอ และอื่น ๆ เป็นต้น


          กระบวนการ (Process) เป็นองค์ประกอบที่สองของระบบ หมายถึง วิธีการต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ผลงานหรือผลผลิตของระบบ และในระบบการศึกษาได้แก่ วิธีการสอนต่าง ๆ เป็นต้น
 

          ผลงาน (Output) หรือ ผลิตผล (Product) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสุดท้ายของระบบ หมายถึง ความสำเร็จในลักษณะต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพ หรือประสิทธิผล ในระบบการศึกษา ได้แก่ นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในลักษณะต่าง ๆ หรือนักเรียนที่มีความรู้ ความสามารถที่จะดำรงชีวิตในอนาคตได้ตามอัตถภาพ เป็นต้น


          ทั้ง 3 องค์ประกอบ มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ขาดสิ่งใดไม่ได้ นอกจากนั้นทั้ง 3 องค์ประกอบยังมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์การด้วย ในขณะที่องค์การต้องดำเนินกิจกรรมนั้น สิ่งที่ช่วยให้องค์การสามารถตรวจสอบว่ากิจกรรมต่าง ๆ นั้นบรรลุวัตถุประสงค์ หรือไม่ มีส่วนใดที่ต้องแก้ไขปรับปรุง จึงต้องอาศัย ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ซึ่งจะช่วยให้องค์การสามารถปรับปรุง ตัวป้อน (Input) กระบวนการ (Process)


          สรุป ระบบการปฏิบัติงานขององค์การนั้นจะประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ สิ่งที่ป้อนเข้าไป (Input) กระบวนการ (Process) และผลงาน (Output) โดยแต่ละส่วนจะต้องมีความสัมพันธ์และผสมผสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายขององค์การ
 
 

3.  การประยุกต์ใช้
           กล่าวโดยสรุปแล้ว System Theory เป็นการมองความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ แบบองค์รวม โดยเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใหญ่ขึ้นไป ขณะเดียวกันตัวมันเองก็เป็นระบบที่สามารถแยกย่อยลงไปเป็นระบบเล็ก ๆ มากมายหลายระดับได้ ด้วยเหตุนี้ System Theory จึงมีความหมายต่อระบบการจัดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและองค์ความรู้มาก เมื่อนำทฤษฎี system Theory มาประยุกต์ใช้กับการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ผ่านแนวคิดทฤษฎีระบบ เราต้องวิเคราะห์ และนิยามปัญหานั้นก่อนว่าประกอบด้วยปัจจัยอะไรบ้าง และนำข้อมูลเหล่านั้น มาวางแผนในขบวนการจัดการ เพื่อที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การคิดแบบเป็นระบบ ทุกอย่างบนโลกใบนี้ มีทั้งเหตุและผล มีที่มาและที่ไป บางอย่างมีความสัมพันธ์กัน แต่ความสัมพันธ์นั้น จะเกิดเป็นผลอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการ ที่เราวางแผนไว้ และผลที่เกิดขึ้น อาจถูกปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและเกิดความสมดุลย์ในสิ่งใหม่ได้อีก

ที่มา
 http://www.kamsondeedee.com/school/index.php/chapter-002/51-2008-12-13-14-44-22/109--system-theoryhttp://www.wattanasinaccounting.com/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9ASystemTheory.htm
http://www.kamsondeedee.com/school/index.php/chapter-002/51-2008-12-13-14-44-22/109--system-theory
http://sego2533.multiply.com/journal/item/20
https://www.gotoknow.org/posts/458803
http://www.kamsondeedee.com/school/index.php/chapter-002/51-2008-12-13-14-44-22/109--system-theory
http://km.most.go.th/content/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A-system-theory
http://www.kroobannok.com/blog/21392
http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A.htm
http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A.htm


เข้าถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2557