Promotion
การส่งเสริมการขาย
ความหมายของการส่งเสริมการขาย
การส่งเสริมการขาย หมายถึง กิจกรรมการส่งเสริมการตลาดที่นอกเหนือไปจากการโฆษณา การตลาดทางตรง การขายโดยใช้พนักงานขาย และการประชาสัมพันธ์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นความสนใจ การทดลองใช้ หรือการซื้อของลูกค้าขั้นสุดท้าย, บุคคลในช่องทางการตลาด หรือพนักงานขายของกิจการรวมถึงการเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการขายไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพียงอย่างเดียวได้ โดยทั่วไปมักจะใช้ร่วมกับการโฆษณา การตลาดทางตรง หรือการขายโดยใช้พนักงานขาย เช่นโฆษณาให้รู้ว่ามีการลด แลก แจก แถม การประชาสัมพันธ์การจัดงานแสดงสินค้า หรือส่งพนักงานขายไปแจกสินค้าตัวอย่างตามบ้านเป็นต้น
การส่งเสริมการขายและวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
1.ระยะแนะนำ (Introduction) ในระยะนี้จะมุ่งเน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง และมีกิจกรรมการส่งเสริมการขายเป็นส่วนเสริม 2. ระยะเติบโต (Growth) ในระยะนี้จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการขายมากขึ้นเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด 3. ระยะเติบโตเต็มที่ (Maturity) ในระยะนี้การส่งเสริมการขายจะเข้มข้นมาก เนื่องจากการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในตลาด 4. ระยะตกต่ำ (Decline) ในระยะนี้โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะตัดงบประมาณด้านการโฆษณาและมาทุ่มกับการส่งเสริมการขายเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายและการแข่งขันในตลาด
องค์ประกอบของการส่งเสริมการขาย
1. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
1.1 หน่วยงานขาย (Sales force) นักการตลาดจะวิเคราะห์ถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการขาย ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และศิลปะการขาย ตลอดจนการบริหารหน่วยงานขาย
1.2 ผู้ค้าคนกลาง/ผู้ค้าปลีก (Retailers) นักการตลาดจะวิเคราะห์จากปัจจัยระหว่างบุคคลและปัจจัยเฉพาะบุคคล ตลอดจนสภาพแวดล้อมและปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้อง
1.3 ผู้บริโภค (Consumers) นักการตลาดจะวิเคราะห์จากลักษณะทางประชากรศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จิตวิทยา และพฤติกรรมศาสตร์
2. การกำหนดวัตถุประสงค์โดยทั่วไปที่นักการตลาดนิยมเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
2.1 หน่วยงานขาย
•ส่งเสริมให้พนักงานขายเร่งระบายผลิตภัณฑ์ที่คั่งค้าง •สร้างความท้าทายให้พนักงานขายเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิม •ส่งเสริมให้พนักงานขายเพิ่มโอกาสในการขาย •ส่งเสริมให้พนักงานขายเพิ่มพื้นที่การจัดวางสินค้า •ส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมพนักงานขาย •การประชุมการขาย
2.2 ผู้ค้าคนกลาง/ผู้ค้าปลีก
•ดึงดูดให้ผู้ค้าคนกลางสั่งซื้อสินค้าตัวใหม่ๆ •จูงใจให้ผู้ค้าคนกลางทำการส่งเสริมการขาย (Push) •จูงใจให้ผู้ค้าคนกลางวางสินค้าในพื้นที่ๆเหมาะสม •ส่งเสริมให้ผู้ค้าคนกลางกักตุนสินค้า •ส่งเสริมให้ผู้ค้าคนกลางระบายสินค้าก่อนเปิดตัวสินค้าใหม่ •จูงใจให้ผู้ค้าคนกลางร่วมแผนการส่งเสริมการขาย
2.3 ผู้บริโภค
•ส่งเสริมให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น •ลดการเปลี่ยนยี่ห้อ/ทดลองสินค้าอื่นของผู้บริโภค •กระตุ้นพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค •ส่งเสริมการซื้อซ้ำของผู้บริโภค
3. การกำหนดงบประมาณ
3.1 สอดคล้องกับนโยบายด้านการตลาดขององค์กร
3.2 งบประมาณมีความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเพียงพอกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
4. การวางกลยุทธ์
4.1 การเลือกสิ่งจูงใจ/ของสมนาคุณ
4.2 ขนาด/มูลค่า ของส่งจูงใจ
4.3 เจตนา 4.4 ข้อกำหนดในการร่วมการส่งเสริมการขาย
4.5 ระยะเวลาในการดำเนินการส่งเสริมการขาย
5. การเลือกเครื่องมือส่งเสริมการขาย
5.1 การส่งเสริมการขายที่มุ่งเน้นที่ผู้บริโภค (consumer-oriented sales promotion) มักใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการขายแบบดึง (pull strategy) ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์และนำไปสู่ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ค้าปลีกต้องหาผลิตภัณฑ์นั้นๆมาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคจากผู้ผลิต เครื่องมือส่งเสริมการขายที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภค ประกอบด้วย การแจกคูปอง, การแจกของตัวอย่าง, การให้ของแถม, การเพิ่มขนาดบรรจุภัณฑ์, การลดราคา, การคืนเงิน, การแข่งขัน, การชิงโชค, และการอุปถัมภ์กิจกรรมพิเศษ
จากการศึกษาการใช้จ่ายผลิตภัณฑ์ในร้านค้าปลีกของผู้บริโภคโดย Goldsmith และ Amir (2010)พบว่า การใช้ประโยชน์จากความไม่แน่นอนจากการเสี่ยงโชคหรือการแข่งขันเพื่อรับของสมนาคุณเป็นผลดีต่อการซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากผู้บริโภคส่วนมากจะวางสมมติฐานในแง่ดีไว้ก่อนรวมกับความตื่นเต้นจากความต้องการชนะ และทำให้เกิดความอยากในการร่วมกิจกรรมและนำไปสู่การซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น และในกรณีนี้จะช่วยลดต้นทุนด้านการส่งเสริมการขายได้ด้วย ซึ่งต่างจากเครื่องมือส่งเสริมการขายตัวอื่นๆที่มีต้นทุนสูงกว่า
5.2 การส่งเสริมการขายที่มุ่งเน้นผู้ค้าคนกลาง/ผู้ค้าปลีก (trade-oriented sales promotion) กลยุทธ์ที่มักใช้เพื่อจูงใจผู้ค้าคนกลางหรือผู้ค้าปลีก เป็นกลยุทธ์แบบผลัก (push strategy) ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้รับเอาผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปขายพร้อมการสนับสนุนให้เกิดการขายโดยใช้การส่งเสริมการขายแก่ผู้บริโภคอีกด้วย เพื่อให้เกิดการซื้อโดยผู้บริโภค กิจกรรมส่งเสริมการขายประเภทนี้ ประกอบด้วย การให้ส่วนลดทางการค้า, การจัดแสดง ณ จุดขาย, การแข่งขันทางการขาย, การจัดโปรแกรมฝึกอบรม, การจัดแสดงสินค้า, และการโฆษณาร่วม แม้ว่าการส่งเสริมการขายอาจจะทำให้ผู้บริโภคสนใจ ลองใช้ ไปจนถึงการซื้อสินค้าและการกักตุนสินค้าได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่การส่งเสริมการขายส่งผลค่อนข้างน้อยต่อความภักดีต่อแบรนด์ซึ่งเป็นผลสรุปจากการศึกษาโดย Dubey(2014) ซึ่ง Mendez (2012)ได้ศึกษาเพิ่มเติมในเชิงลึกและพบว่าการส่งเสริมการขายแบบแถมของสมนาคุณจะส่งผลด้านลบกับความภักดีต่อแบรนด์ ในขณะที่การเพิ่มขนาดบรรจุภัณฑ์และการให้ส่วนลดเมื่อซื้อเพิ่มจะส่งผลที่ดีกับความภักดีต่อแบรนด์มากกว่า
6. การประเมิน/วัดผล
6.1 ด้านการเจริญเติบโตของยอดขาย สามารถทำการการเปรียบเทียบยอดขาย ก่อน-ระหว่าง-หลัง การดำเนินการส่งเสริมการขาย 6.2 ด้านการเจริญเติบโตของกำไร ทำได้โดยการเปรียบเทียบกำไรที่เพิ่มขึ้น/ลดลงขององค์กรในแต่ละช่วงการวัดผล เช่น กำไรต่อเดือน หรือไตรมาส 6.3 ด้านการบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เช่น การแจกแบบสอบถามเพื่อรับทราบความพึงพอใจของลูกค้า ดรรชนีประสิทธิภาพของพนักงานขาย 6.4 ด้านความพึงพอใจของผู้บริหาร พัฒนาการด้านการดำเนินงานทั้งภายในและภายนอกขององค์กรและพนักงาน การตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ดี ทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้น
การประยุกต์ใช้
Ramanthan และ Dhar (2013) ได้ยกตัวอย่างการใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการขายของแบรนด์ร้านค้าปลีกระดับโลก คือ Wal-Mart ที่ใช้สโลแกน “Everyday low price” หรือการลดราคาสินค้าร่วมกับการแจกคูปองส่วนลดเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคกักตุนสินค้าและซื้อซ้ำ ในขณะที่ห้างค้าส่งสมัยใหม่อย่าง Costco เลือกที่จะแข่งขันด้วยกลยุทธ์ส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าจำนวนมากๆหรือซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเพื่อเป็นการดึงดูดผู้บริโภคด้านราคาและปริมาณการซื้อสินค้า
ภูริทัต ทองเพ็ชร (2556) ได้ศึกษาวิธีการใช้ลิงเพื่อเป็นสื่อในการส่งเสริมการขายยาในชุมชน ซึ่งเปรียบได้กับเครื่องมือการตลาดคือการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคจำนวนมากมารวมตัวกันดูการจัดแสดง และประชาสัมพันธ์ขายสินค้าระหว่างมีการแสดงเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการคล้อยตามและเกิดการซื้อเป็นต้น
สิโรบล สุขสวคนธ์ (2551) ผู้ศึกษาการส่งเสริมการขายโดยใช้สาวเชียร์เบียร์เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจในแบรนด์เมื่อแนะนำแบรนด์สู่ผู้บริโภคและเพื่อสร้างจุดขายด้านความแตกต่าง แต่ต่อมาได้มีการใช้สาวเชียร์เบียร์เหมือนกันหมดทุกยี่ห้อจนเกิดเป็นแบบแผนที่จะต้องมี ซึ่งทำให้ต้นทุนด้านการตลาดสูงขึ้น แต่บริษัทเบียร์ก็ยอมรับได้เมื่อเทียบกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสร้างความแตกต่างให้กับคุณค่าของแบรนด์ได้ด้วยรูปลักษณ์ของสาวเชียร์เบียร์และเครื่องแบบอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
DUBEY, J. 2014. Personal Care Products: Sales Promotion and Brand Loyalty. Journal of Contemporary Management Research, 8, 52-71.
GOLDSMITH, K. & AMIR, O. 2010. Can Uncertainty Improve Promotions? Journal of Marketing Research (JMR), 47, 1070-1077.
KOEKEMOER, L. 2004. Marketing Communications, Lansdowne, Juta and Co. Ltd.MENDEZ, M. 2012. Sales promotions effects on brand loyalty. 3547444 D.B.A., Nova Southeastern University.
RAMANTHAN, S. & DHAR, S. K. 2013. Buy One, Get One Free: How Framing Sales Promotions Affects the Whole Shopping Basket. GfK-Marketing Intelligence Review, 5, 49-52.
ชโยดม สามิบัติ. 2555. การตอบสนองต่อการส่งเสริมการขายของผู้ซื้อสินค้าที่ร้านลอฟท์สาขาสยามดิสคัฟเวอร์รี่. บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.ทัศนีย์วรรณ แนบทางดี. 2554. ผลกระทบของประสิทธิภาพการส่งเสริมการขายที่มีผลต่อการดําเนินงานของธุรกิจตัวแทนประกันวินาศภัยในประเทศไทย. บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ภูริทัต ทองเพ็ชร. 2556. วิธีการใช้ลิงเป็นสื่อในการส่งเสริมการขายยาในชุมชน : กรณีศึกษาหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี. วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สิโรบล สุขสวคนธ์. 2551. สาวเชียร์เบียร์:ปฏิบัติการส่งเสริมการขายในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.